แนวทางการพัฒนาธุรกิจของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กบ้านคำซาว ตำบลสันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่

Business Development Guideline of “Ban Kamsao” Small Community Enterprise, San Kampang Sub-District, San Kampang District, Chiang Mai Province

กนกพร ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา

14 มกราคม 2568

การศึกษาในครั้งนี้ เพื่อศึกษาถึงการผลิตและการพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็กบ้านคำซาว ตำบลสันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนเพื่อศึกษาถึงแนวทางการพัฒนาเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านคำซาวตำบลสันกำแพงอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ วิธีการศึกษาโดยใช้แบบสอบถามเชิงปริมาณเพื่อสำรวจความคิดเห็นและข้อมูลเชิงตัวเลขเกี่ยวกับโครงสร้างธุรกิจและปัญหาที่พบ ข้อมูลทั่วไปของสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านคำซาวส่วนใหญ่เป็นเพศชายจำนวน ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอายุของสมาชิกส่วนใหญ่ มีอายุระหว่าง 36-45 ปี ข้อมูลส่วนบุคคลด้านการศึกษาส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับ ปวส. ข้อมูลส่วนบุคคลด้านอาชีพส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย/เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ข้อมูลส่วนบุคคลด้านรายได้ มีรายได้หลักต่อเดือน 16,000-19,000 บาท
ผลการศึกษาพบว่าสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านคำซาวส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาการจัดการทางธุรกิจ จึงนำแนวทางการจัดการ และ การแก้ไขปัญหาการจัดการทางธุรกิจเข้ามาประยุกต์ใช้โดยมีแนวคิดต่างๆ ดังนี้การพัฒนาในทศวรรษที่ 2020 ในกลุ่มวิชาหลัก สมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถเชื่อมโยงความรู้ทางทฤษฎีกับ ปฏิบัติ ทักษะชีวิต อยู่ในระดับปานกลาง เจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนสามารถคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ กลุ่มทักษะชีวิต และ อาชีพ สมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถนำเอาทักษะชีวิต และ อาชีพอยู่ในระดับมากสมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐมีความสามารถในการปรับตัวและยืดหยุ่นตามสถานการณ์ สมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐมีความคิดริเริ่มและเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีขึ้น กลุ่มทักษะการเรียนรู้ และ นวัตกรรม สมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถนำเอาทักษะชีวิต และ อาชีพอยู่ในระดับมากสมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถคิดเชิงวิพากย์ และ แก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบเนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความสามารถในด้านนวัตกรรม
ข้อเสนอแนะจากการศึกษาครั้งนี้คือ ควรส่งเสริมให้มีดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีระยะเวลาที่จำกัดทำให้การพัฒนา และการแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จากผลที่ได้จากการวิจัยชี้ให้เห็นว่าสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีระยะเวลาในการเข้าร่วมพัฒนานานขึ้นจะส่งผลต่อการพัฒนาที่ดีขึ้น

คำสำคัญ: วิสาหกิจชุมชน, การพัฒนาอย่างยั่งยืน, การจัดการธุรกิจ, การตลาด, การสกัดโปรตีนไหม

This study aims to examine the production and development of the small community enterprise group Ban Kham Sao, San Kamphaeng Subdistrict, San Kamphaeng District, Chiang Mai Province, as well as to explore development strategies for creating sustainable income for the Ban Kham Sao community enterprise group in San Kamphaeng Subdistrict, San Kamphaeng District, Chiang Mai .The study method using a quantitative questionnaire to survey opinions and numerical information about the business structure and problems encountered. General information about the members of the Ban Kham Sao community enterprise group shows that the majority are male Personal information regarding the age of the members indicates that most are between 36-45 years old. In terms of education, most have completed vocational education (VET), with 11 individuals, accounting for 26.8%. Regarding occupation, most are engaged in trade/small business ownership, In terms of income, the majority have a primary income of 16,000-19,000 baht.
The study found that most members of the Ban Kham Sao community enterprise group lacked knowledge and ability in solving business management problems. Therefore, management approaches and solutions to business management issues were applied with various concepts as follows: The basic marketing concept involves setting guidelines for marketing operations and allocating business resources to achieve the objectives according to those guidelines. Marketing approaches change over time to meet societal needs, which most members still lack knowledge in. Consequently, government officials participated in providing knowledge. After the study, it was found that the Ban Kham Sao community enterprise group members could appropriately adapt these approaches compared to before and have continuously used them.
Recommendations include strengthening the group's management and marketing skills, as well as enhancing collaboration with government agencies for improved support efficiency.

Keywords: community enterprise, sustainable development, business management, marketing, silk protein extraction.